เผย เทคนิค วิธีทำให้ "คะแนนความตรงเป้าหมาย" ได้เต็ม10เวลา โปรโมท ( นำไปปรับใช้ได้ทันที )
เวลาที่เราลงโฆษณาบน Facebook แล้วจะทราบได้อย่างไรว่าโฆษณาทำได้ดีแค่ใหน จะวัดผลอย่างไร บทความนี้ขอตีแผ่ และบางทีอาจจะขัดแย้งกับความเชื่อเดิมๆหลายๆอย่างที่เป็นมา ไปบ้างอยากให้ลองศึกษาเรื่องนี้ต่อนะครับ
สวัสดีครับ ผม อั๋น ทวีวงศ์ จากหนังสือ “อัพยอดขายเพิ่มยอดไลค์ใน 21 วัน” ( อมรินทร์ฮาวทู สำนักพิมพ์อมรินทร์ ) ขอบคุณทุกท่าน ที่สนใจบทความนี้นะครับ ขออนุญาติแจ้งล่วงหน้าว่า บทความนี้เหมาะกับผู้ที่เคยโฆษณามาค่อนข้างมากพอสมควร ถ้าท่านใดยังไม่เคยโฆษณาหรือพึ่งเริ่มต้น แนะนำว่าให้ลองดูเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการโฆษณาใน ช่อง Youtube ของผมก่อน คลิ๊กที่นี่ครับ หรือ ควรจะอ่านบทวิธีการซื้อโฆษณาในหนังสือ “อัพยอดขายเพิ่มยอดไลค์ใน 21 วัน” ก่อนครับ
เวลาที่เราโฆษณาออกไป ค่าใช้จ่ายจะคุ้มค่าหรือไม่ ส่วนหนึ่งที่วัดผลได้คือ "คะแนนความตรงเป้าหมาย" หรือ facebook relevance score สิ่งที่แสดงผลลัพท์เมื่อโฆษณาว่าดีหรือไม่ รายละเอียดคลิ๊ก วัดจากคะแนน 1-10 ( เต็ม10 ) สื่อหลักบางที่จะบอกว่ายิ่งเราได้คะแนนสูงๆ ค่าโฆษณาจะถูกลง แต่จากประสบการณ์แล้วผมสรุปได้ว่าไม่จริงเสมอไปครับ ไม่ใช่ทุกตัวที่คะแนนสูง 8-9 คะแนนจะราคาถูก บางที่ก็ราคาเท่ากับ 2 คะแนนก็มี ถ้าราคาจะถูกได้ ต้องได้คะแนน 10 เท่านั้นครับ ( โฆษณาบางตัว คะแนน 9 ยังจ่าย เท่าคะแนน 2 ก็มี )
ลองมาดูคะแนนที่ผมพึ่งโฆษณาไปสดๆร้อนๆ ตอนที่พิมพ์ Blog อยู่นี่ก็ยังซื้อโฆษณาอยู่นะครับ

คะแนนก็จะได้หลากหลายกันไป มีน้อยบ้างมากบ้างในระหว่างทดสอบ ผมจะเปิด 4-7 แคมเปญโฆษณาที่แตกต่างกันเพื่อดูผลลัพท์ สูตรของผมคือถ้าโฆษณาตัวใหนต่ำกว่า 7 ปิดทิ้งครับ แล้วสำเนาแคมเปญโฆษณา มาลองโปรโมทในโพสต์ตัวอื่นๆ ที่กลุ่มเป้าหมายเดียวกัน ทำอย่างนี้โฆษณาก็จะคะแนนดีขึ้นทุกตัวอย่างเห็นได้ชัดครับ
แต่ก็ คะแนนสูงไม่ได้เกี่ยวกับ ราคาค่าโฆษณาจะถูกลงเสมอไปครับ ( ต้องเต็ม 10 เท่านั้นที่จะถูกจริง) ผมทำสถิติเก็บไว้หมดว่า โฆษณาตัวใหนตั้งค่าอย่างไร จึงสามารถนำมาสรุปประเด็นที่ผมขอสรุปเป็นข้อๆ ให้อ่านง่ายๆ ตรงๆ ตามสถิติที่พบ ว่าต้องทำอย่างไรจะถูกลง มีดังนี้ครับ
( ความเห็นส่วนตัว จากประสบการณ์ตรง โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน เพราะสื่อของแต่ละท่านก็ มีประสิทธิภาพมากน้อยต่างกัน คะแนนดีไม่ดี ถูกไม่ถูก หลักๆแล้วอยู่ที่สื่อ แต่ถ้ามั่นใจว่าสื่อเราดีที่สุดแล้ว ก็มาวัดกันที่การตั้งค่าโฆษณาครับ)
ทำอย่างไร ค่าโฆษณาจะถูกลง
- เวลาตั้งกลุ่มเป้าหมาย ให้ตั้งที่ความสนใจกว้างๆ อย่าตั้ง เป็นชื่อคนดังที่กลุ่มเป้าหมายเราสนใจ เช่น ชื่อนักร้อง ศิลปิน ดารา บุคคลดังๆ ที่มีคนติดตามเยอะ หรือ ชื่อ Brand ต่างๆ ให้ตั้งเป็น การเดินทาง การดูแลความงาม เป็นต้น
- อายุตั้งแคบๆ ไม่เกินช่วง 10 ปี เช่น 15-25 ปี
- เลือกการจัดวางให้ตรงกับ สื่อที่เราใช้ ( ขนาดของสื่อ ) ไม่เอาแบบ เข้าถึงทุกสื่อแล้วปล่อยให้ระบบแจ้งเตือนว่าไม่สามารถ แสดงได้ใน instagram หรือ audience network ถ้าไม่มั่นใจ ให้แสดงที่ Facebook ฟีด อย่างเดียวไปเลย คลิ๊กดูรูปแบบการตั้งค่าโฆษณาที่นี่
แต่ คะแนน ก็คือคะแนนครับ ไม่ได้หมายความว่าคะแนนดี หรือ จ่ายถูก แล้วผลลัพท์จะดีไปทั้งหมด เพราะสิ่งที่ผมเจอ คะแนนต่ำกว่าแต่การคลิ๊กสูงกว่า แม่นกว่า คนตอบรับไลค์แชร์เยอะกว่า ตัวที่โฆษณาถูกหรือได้ 10 คะแนนเต็ม
ผลตรงนั้น ผมได้มาจาก การสรุปสถิติที่ผมโฆษณาเองว่า โฆษณาที่ได้ผลดีส่วนใหญ่มีส่วนประกอบในการตั้งค่าโฆษณาดังนี้ครับ
ทำอย่างไร การตั้งค่าโฆษณาจะแม่น ส่งผลให้กลุ่มเป้าหมายมีปฏิสัมพันธ์สูง
- เวลาตั้งกลุ่มเป้าหมาย ให้ตั้งที่ ชื่อคนดังที่กลุ่มเป้าหมายเราสนใจตรงๆ เช่น ชื่อนักร้อง ศิลปิน ดารา บุคคลดังๆ ที่มีคนติดตามเยอะ หรือ ชื่อ Brand ต่างๆ
- อายุ แคบมากๆ ช่วงไม่เกิน 10 ปี เช่น 15-21ปี
- สื่อเช่นภาพที่เราใช้ ต้องสีตัดกัน คำพูดต้องสั้นๆ เข้าใจทันที ไม่ต้องตีความ
โดยสรุปคือผมได้ feedback กลับมา มากกว่าเกินเท่าตัว ทั้งยอดคลิ๊กไลค์ แชร์ คอมเม้นท์ มากกว่าที่ตัวจ่ายโฆษณาถูก และ ได้คะแนนเต็ม10 กว่ามากๆ ( คะแนนดี จ่ายถูก อาจจะ feedback ไม่ดีเท่าจับกลุ่มแบบลงรายละเอียด)
เพราะฉะนั้น อย่าไป Focus ว่าต้องจ่ายถูกที่สุด หรือ ต้องได้คะแนนสูงที่สุด นั่นอาจจะเป็นแค่ส่วนประกอบ ส่วนสำคัญที่สุดคือ ให้ focus ว่าสื่อของเรา สามารถไปเติมเต็มความอยากรู้อยากเห็น ที่กลุ่มเป้าหมายของเรากำลังมองหาอยู่ได้หรือไม่ ตรงนี้ที่สำคัญที่สุดครับ
อยากให้ลองปรับกันดูนะครับ สำหรับท่านใดที่สนใจรายละเอียดทั้งหมดอยู่ใน หนังสือ “อัพยอดขายเพิ่มยอดไลค์ใน 21 วัน” ทั้งหมดครับ
อย่าลืมกดติดตามเนื้อหา ต่างๆได้ที่ช่องทางดังนี้ครับ
รีวิวหนังสือ “อัพยอดขายเพิ่มยอดไลค์ใน 21 วัน”
https://www.facebook.com/AunTaweewong
กดติดตาม ช่องบน Youtube คลิ๊กที่นี่
สวัสดีครับ ผม อั๋น ทวีวงศ์ จากหนังสือ “อัพยอดขายเพิ่มยอดไลค์ใน 21 วัน” ( อมรินทร์ฮาวทู สำนักพิมพ์อมรินทร์ ) ขอบคุณทุกท่าน ที่สนใจบทความนี้นะครับ ขออนุญาติแจ้งล่วงหน้าว่า บทความนี้เหมาะกับผู้ที่เคยโฆษณามาค่อนข้างมากพอสมควร ถ้าท่านใดยังไม่เคยโฆษณาหรือพึ่งเริ่มต้น แนะนำว่าให้ลองดูเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการโฆษณาใน ช่อง Youtube ของผมก่อน คลิ๊กที่นี่ครับ หรือ ควรจะอ่านบทวิธีการซื้อโฆษณาในหนังสือ “อัพยอดขายเพิ่มยอดไลค์ใน 21 วัน” ก่อนครับ
เวลาที่เราโฆษณาออกไป ค่าใช้จ่ายจะคุ้มค่าหรือไม่ ส่วนหนึ่งที่วัดผลได้คือ "คะแนนความตรงเป้าหมาย" หรือ facebook relevance score สิ่งที่แสดงผลลัพท์เมื่อโฆษณาว่าดีหรือไม่ รายละเอียดคลิ๊ก วัดจากคะแนน 1-10 ( เต็ม10 ) สื่อหลักบางที่จะบอกว่ายิ่งเราได้คะแนนสูงๆ ค่าโฆษณาจะถูกลง แต่จากประสบการณ์แล้วผมสรุปได้ว่าไม่จริงเสมอไปครับ ไม่ใช่ทุกตัวที่คะแนนสูง 8-9 คะแนนจะราคาถูก บางที่ก็ราคาเท่ากับ 2 คะแนนก็มี ถ้าราคาจะถูกได้ ต้องได้คะแนน 10 เท่านั้นครับ ( โฆษณาบางตัว คะแนน 9 ยังจ่าย เท่าคะแนน 2 ก็มี )
ลองมาดูคะแนนที่ผมพึ่งโฆษณาไปสดๆร้อนๆ ตอนที่พิมพ์ Blog อยู่นี่ก็ยังซื้อโฆษณาอยู่นะครับ

คะแนนก็จะได้หลากหลายกันไป มีน้อยบ้างมากบ้างในระหว่างทดสอบ ผมจะเปิด 4-7 แคมเปญโฆษณาที่แตกต่างกันเพื่อดูผลลัพท์ สูตรของผมคือถ้าโฆษณาตัวใหนต่ำกว่า 7 ปิดทิ้งครับ แล้วสำเนาแคมเปญโฆษณา มาลองโปรโมทในโพสต์ตัวอื่นๆ ที่กลุ่มเป้าหมายเดียวกัน ทำอย่างนี้โฆษณาก็จะคะแนนดีขึ้นทุกตัวอย่างเห็นได้ชัดครับ
แต่ก็ คะแนนสูงไม่ได้เกี่ยวกับ ราคาค่าโฆษณาจะถูกลงเสมอไปครับ ( ต้องเต็ม 10 เท่านั้นที่จะถูกจริง) ผมทำสถิติเก็บไว้หมดว่า โฆษณาตัวใหนตั้งค่าอย่างไร จึงสามารถนำมาสรุปประเด็นที่ผมขอสรุปเป็นข้อๆ ให้อ่านง่ายๆ ตรงๆ ตามสถิติที่พบ ว่าต้องทำอย่างไรจะถูกลง มีดังนี้ครับ
( ความเห็นส่วนตัว จากประสบการณ์ตรง โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน เพราะสื่อของแต่ละท่านก็ มีประสิทธิภาพมากน้อยต่างกัน คะแนนดีไม่ดี ถูกไม่ถูก หลักๆแล้วอยู่ที่สื่อ แต่ถ้ามั่นใจว่าสื่อเราดีที่สุดแล้ว ก็มาวัดกันที่การตั้งค่าโฆษณาครับ)
ทำอย่างไร ค่าโฆษณาจะถูกลง
- เวลาตั้งกลุ่มเป้าหมาย ให้ตั้งที่ความสนใจกว้างๆ อย่าตั้ง เป็นชื่อคนดังที่กลุ่มเป้าหมายเราสนใจ เช่น ชื่อนักร้อง ศิลปิน ดารา บุคคลดังๆ ที่มีคนติดตามเยอะ หรือ ชื่อ Brand ต่างๆ ให้ตั้งเป็น การเดินทาง การดูแลความงาม เป็นต้น
- อายุตั้งแคบๆ ไม่เกินช่วง 10 ปี เช่น 15-25 ปี
- เลือกการจัดวางให้ตรงกับ สื่อที่เราใช้ ( ขนาดของสื่อ ) ไม่เอาแบบ เข้าถึงทุกสื่อแล้วปล่อยให้ระบบแจ้งเตือนว่าไม่สามารถ แสดงได้ใน instagram หรือ audience network ถ้าไม่มั่นใจ ให้แสดงที่ Facebook ฟีด อย่างเดียวไปเลย คลิ๊กดูรูปแบบการตั้งค่าโฆษณาที่นี่
แต่ คะแนน ก็คือคะแนนครับ ไม่ได้หมายความว่าคะแนนดี หรือ จ่ายถูก แล้วผลลัพท์จะดีไปทั้งหมด เพราะสิ่งที่ผมเจอ คะแนนต่ำกว่าแต่การคลิ๊กสูงกว่า แม่นกว่า คนตอบรับไลค์แชร์เยอะกว่า ตัวที่โฆษณาถูกหรือได้ 10 คะแนนเต็ม
ผลตรงนั้น ผมได้มาจาก การสรุปสถิติที่ผมโฆษณาเองว่า โฆษณาที่ได้ผลดีส่วนใหญ่มีส่วนประกอบในการตั้งค่าโฆษณาดังนี้ครับ
ทำอย่างไร การตั้งค่าโฆษณาจะแม่น ส่งผลให้กลุ่มเป้าหมายมีปฏิสัมพันธ์สูง
- เวลาตั้งกลุ่มเป้าหมาย ให้ตั้งที่ ชื่อคนดังที่กลุ่มเป้าหมายเราสนใจตรงๆ เช่น ชื่อนักร้อง ศิลปิน ดารา บุคคลดังๆ ที่มีคนติดตามเยอะ หรือ ชื่อ Brand ต่างๆ
- อายุ แคบมากๆ ช่วงไม่เกิน 10 ปี เช่น 15-21ปี
- สื่อเช่นภาพที่เราใช้ ต้องสีตัดกัน คำพูดต้องสั้นๆ เข้าใจทันที ไม่ต้องตีความ
โดยสรุปคือผมได้ feedback กลับมา มากกว่าเกินเท่าตัว ทั้งยอดคลิ๊กไลค์ แชร์ คอมเม้นท์ มากกว่าที่ตัวจ่ายโฆษณาถูก และ ได้คะแนนเต็ม10 กว่ามากๆ ( คะแนนดี จ่ายถูก อาจจะ feedback ไม่ดีเท่าจับกลุ่มแบบลงรายละเอียด)
เพราะฉะนั้น อย่าไป Focus ว่าต้องจ่ายถูกที่สุด หรือ ต้องได้คะแนนสูงที่สุด นั่นอาจจะเป็นแค่ส่วนประกอบ ส่วนสำคัญที่สุดคือ ให้ focus ว่าสื่อของเรา สามารถไปเติมเต็มความอยากรู้อยากเห็น ที่กลุ่มเป้าหมายของเรากำลังมองหาอยู่ได้หรือไม่ ตรงนี้ที่สำคัญที่สุดครับ
อยากให้ลองปรับกันดูนะครับ สำหรับท่านใดที่สนใจรายละเอียดทั้งหมดอยู่ใน หนังสือ “อัพยอดขายเพิ่มยอดไลค์ใน 21 วัน” ทั้งหมดครับ
อย่าลืมกดติดตามเนื้อหา ต่างๆได้ที่ช่องทางดังนี้ครับ
รีวิวหนังสือ “อัพยอดขายเพิ่มยอดไลค์ใน 21 วัน”
https://www.facebook.com/AunTaweewong
กดติดตาม ช่องบน Youtube คลิ๊กที่นี่
ไม่มีความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น